Tech

TGE 2019 : พจนานุกรมจอคอมฉบับย่อ รอซื้อได้เลย

ถ้าดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ จอคอมก็เสมือนเป็นหน้าต่างที่เปิดให้เราเข้าสู่โลกแห่งคอมพิวเตอร์ โดยเฉพาะโลกแห่งเกมที่หลากหลายสุดๆ จอเกมมิ่งจึงถือกำเนิดเพื่อชี้แนะเส้นทางที่เหมาะสมให้กับเกมเมอร์ทุกคนทุกประเภท แต่จอก็เหมือนอุปกรณ์เกมมิ่งอื่นๆ นั่นคือมีข้อมูลสเปคที่หลากหลายมาก เราจึงขอทำตัวเป็นพจนานุกรมฉบับย่อสำหรับการเลือกจอคอมพิวเตอร์ ก่อนที่จะไปเจอของจริงในงาน Thailand Game Expo by AIS eSports วันที่ 30 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน ที่ไบเทค บางนา

ความละเอียดของจอคือสิ่งที่สำคัญที่สุดในการเลือกซื้อ เพราะมีผลทั้งความคมของภาพ สัดส่วน พื้นที่ในการแสดงผล และพลังประมวลผลของเครื่องเราว่ารับไหวขนาดไหน โดยความละเอียดของจอที่เป็นที่นิยมก็คือแบบ 16:9 อย่าง 1920×1080 หรือ Full HD / 2560×1440 หรือ 2K / 3840×2160 หรือ 4K Ultrawide หรือ 21:9 อย่าง 2560×1080 และ 3440×1440 นอกจากนี้ยังมีจอที่กว้างยิ่งกว่า Ultrawide ด้วย นั่นคือ 32:9 อย่าง 3840×1080 หรือความละเอียด Full HD ติดกัน 2 ตัวนั่นเอง

แน่นอนว่าจอยิ่งใหญ่ก็ยิ่งเต็มตา แต่อย่าลืมว่าเรามองจอคอมในระยะที่ใกล้ การที่จอใหญ่ไปก็อาจจะทำให้กวาดตาได้ไม่ทั่วจนปวดคอในที่สุด ซึ่งขนาดจอที่แนะนำสำหรับโต๊ะขนาดปกตินั่นก็คือ 24 นิ้ว ส่วนถ้าใครมีโต๊ะกว้างหรือลึก ก็สามารถวางจอที่ใหญ่ขึ้นให้พอดีกับตัวเองได้เช่นกัน และขนาดจอยังมีผลต่อความคมของภาพอีกด้วย เพราะยิ่งละเอียดแต่มีขนาดจอไม่ใหญ่ก็ยิ่งคม

จอในปัจจุบันมีพาเนลที่เป็นพื้นฐานของจอนั้นๆ อยู่ 3 ชนิดที่ฮิต ประกอบไปด้วย IPS (in-plane switching) พาเนลที่สีสวยที่สุด มุมมองกว้างที่สุด เหมาะสำหรับทำงานกราฟิก แต่ถ้าเป็นจอเกรดเกมมิ่งจะมีราคาค่อนข้างสูง VA (vertical alignment) พาเนลที่โดดเด่นเรื่องความเปรียบต่า (contrast) มากที่สุด และมีราคาไม่สูงเกินไปนักในเกรดเกมมิ่ง TN (twisted nematic) พาเนลที่เก่าแก่ที่สุด มีค่าสีและมุมองรับชมที่แคบกว่าทุกประเภท มีราคาไม่สูง แต่มีค่าการตอบสนอง (response time) ที่รวดเร็วและให้ค่า Refresh Rate ได้สูงสุดถึง 240Hz เลยทีเดียว

รู้หรือไม่ว่าเราใช้งานจอคอมพิวเตอร์ที่มีค่า refresh rate ที่ 60hz กันมาหลายปีแล้ว แต่ในวงการเกมมิ่งนั้นมีการผลิตหน้าจอที่มีค่า refresh rate สูงมากขึ้นมา เพื่อการเล่นเกมที่ลื่นไหลขึ้น โดยเฉพาะเกมแนวเดินหน้ายิงแบบ FPS และจอเกมมิ่หลายรุ่นมีค่านี้อยู่ที่ 120Hz – 240Hz โดยค่า Hz ที่สูงเหล่านี้จะสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างในการเล่นเกมของคุณอย่างแน่นอน แต่เครื่องต้องดันเฟรมเรทไปให้ถึงด้วยนะ

ค่าปริภูมิสี (color space) ก็เป็นอีกปัจจัยในการซื้อจอเกมมิ่ง เพราะสามารถนำมาใช้ทำงานด้านกราฟิกได้เป็นอย่างดีด้วย โดยค่าปริภูมิสีที่แนะนำก็คือค่า sRGB ที่ 99% แต่จอที่เป็นเกรดสำหรับทำงานกราฟิกโดยเฉพาะอาจมีค่าปริภูมิสีในแบบอื่นๆ เช่น Adobe RGB หรือ DCI-P3 ซึ่งจะมีราคาค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับรุ่นที่ครอบคลุมแค่ sRGB

G-Sync จาก Nvidia กับ FreeSync จาก AMD คือเทคโนโลยีแก้ภาพฉีกจาก VESA Adaptive Sync ที่ทำงานโดยการ sync ค่าเฟรมเรทที่การ์ดจอทำได้กับที่จอแสดงผล ส่งผลให้ภาพไหลลื่นไม่ฉีกหรือขาด โดยทำงานคู่กับการ์ดจอจากค่ายของเทคโนโลยีนั้นๆ แต่ปัจจุบันทาง Nvidia ได้มีการทำ G-Sync Compatible ที่ทำให้จอ FreeSync ใช้งานกับการ์ดจอค่าย Nvidia ได้ แต่ต้องตรวจสอบรุ่นด้วยนะ

นอกจากฟีเจอร์ที่สำคัญแล้วหลายคนอาจมองหาลูกเล่นอื่นๆ ที่จอเกมมิ่งบางจอทำได้ด้วยเช่น การหมุนจอได้เพื่อทำจอแนวตั้ง เอาไว้อ่านเว็บไซต์หรือทำงานเอกสาร หรือการแสดงภาพแบบ HDR (High Dynamic Range) ที่ให้ค่าสีกว้างขึ้นเพื่อแสดงคอนเทนต์จากเกมหรือหนังใหม่ๆ ได้เต็มอรรถรส และพอร์ตเชื่อมต่อที่มีหลายช่องหลายรูปแบบ สามารถสลับอุปกรณ์ใช้ได้มากมาย รวมถึงพอร์ต USB ที่สามารถเสียบอุปกรณ์ที่จอเพื่อใช้งานได้อย่างสะดวกด้วยเช่นกัน

แต่ที่สำคัญที่สุด การซื้อจอคอมใหม่ทั้งที่ของเก่ายังไม่พัง อาจเป็นอุปสรรคของหลายคน เพราะงั้นเราต้องมีความรู้ให้แน่นก่อน เพื่อที่จะเอาไปอธิบายได้นะ

ในยุคที่เกมใหม่ๆ เฟื่องฟู รวมถึงอุปกรณ์คอมก็พัฒนาจนแรงสะใจ ไอ้การจะใช้จอรุ่นคุณปู่เล่นก็อาจจะดึงประสิทธิภาพรวมทั้งความสวยงามของเกมนั้นๆ ออกมาไม่เพียงพอ เราจึงอยากจะขอให้ทุกคนมาลองดูจอใหม่กันในงาน Thailand Game Expo by AIS eSports วันที่ 30 พฤษภาคม – 2 มิถุนายน ที่ไบเทค บางนา เผื่อว่าจะเจอจอที่เป็น “เนื้อคู่” มาอยู่ด้วยกันบนโต๊ะของเรา

Tags
Show More

BlacKKaT

ความสุขของการเขียน คือคนอ่านสนุกไปกับมัน ^^
Close
Close